Food Additive ในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์: ผลต่อเนื้อสัมผัส รสชาติ และอายุการเก็บรักษา
วัตถุเจือปนอาหารในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์: ผลต่อเนื้อสัมผัส รสชาติ และอายุการเก็บรักษา
ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน ไส้อั่ว และหมูยอ เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีรสชาติดี มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และสะดวกในการบริโภค อย่างไรก็ตามเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการของผู้บริโภค อุตสาหกรรมการผลิตเนื้อสัตว์แปรรูปมักมีการใช้วัตถุเจือปนอาหารหลายชนิดในกระบวนการผลิต เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัส รสชาติ สีสัน และยืดอายุการเก็บรักษา
หนึ่งในสารเติมแต่งที่สำคัญ ได้แก่ สารปรับปรุงเนื้อสัมผัส (Texturizing agents) เช่น แป้ง สารสกัดจากถั่วเหลือง คาร์ราจีแนน หรือโลคัสบีนกัม ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการอุ้มน้ำ เพิ่มความนุ่มฉ่ำ ลดการสูญเสียน้ำหนักระหว่างการปรุงสุก และช่วยเชื่อมเนื้อเยื่อของเนื้อสัตว์ให้เป็นเนื้อเดียวกันดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารเพิ่มความชุ่มฉ่ำ (Humectants) เช่น ฟอสเฟต โซเดียมแล็กเตท ซอร์บิทอล กลีเซอรอล ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผลิตภัณฑ์ ป้องกันการแห้งแข็งและหดตัว ทำให้เนื้อนุ่มและฉ่ำได้นานขึ้น
ในด้านของรสชาติ มีการใช้วัตถุเจือปนอาหารอย่างเช่น เกลือ (โซเดียมคลอไรด์) ในกระบวนการหมักเพื่อดึงน้ำออกจากเนื้อ เพิ่มอายุการเก็บรักษา และให้รสเค็ม หรือใช้น้ำตาล สารให้ความหวานแทนน้ำตาล (เช่น ซอร์บิทอล) ร่วมกับเครื่องเทศต่างๆ ในไส้กรอกรมควัน เพื่อปรุงแต่งรสชาติ ขณะที่สารปรุงแต่งกลิ่นรส (Flavorings) สังเคราะห์ เช่น สารให้กลิ่นควันไม้ สารให้กลิ่นเนื้อย่าง ก็ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความหอมน่ารับประทาน โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการหมักหรือรมควันจริง
นอกจากนี้ยังมีการใช้สารกันบูดและสารกันหืน เพื่อยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์และชะลอกระบวนการเหม็นหืน ทำให้ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์มีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้น โดยสารกันบูดที่นิยมใช้ ได้แก่ ไนเตรต ไนไตรท์ ซัลไฟต์ หรือกรดอินทรีย์ต่างๆ ส่วนสารกันหืนมักเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี วิตามินซี สารสกัดจากเครื่องเทศ เช่น โรสแมรี่ ไทม์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การใช้วัตถุเจือปนอาหารในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์อาจมีข้อกังวลบางประการ เช่น ไนไตรท์ในเนื้อบดแปรรูปสามารถทำปฏิกิริยากับสารประกอบเอมีนบางชนิด เกิดเป็นสารก่อมะเร็งในกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ การบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูปที่มีปริมาณเกลือสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคไต และโรคหัวใจ รวมถึงยังมีความกังวลต่อสารเจือปนกันบูดบางชนิดว่าอาจทำให้เกิดปัญหาภูมิแพ้หรือระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารได้
ดังนั้นแนวทางที่เหมาะสมคือ ผู้ผลิตควรใช้วัตถุเจือปนอาหารแต่พอดีตามความจำเป็น ไม่ควรใช้มากเกินไป และเลือกใช้สารที่มีความปลอดภัย ผ่านการทดสอบ และได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น พร้อมทั้งระบุข้อมูลส่วนประกอบให้ชัดเจนบนฉลาก ส่วนผู้บริโภคก็ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ และแม้ว่าอาหารแปรรูปเหล่านี้จะเป็นทางเลือกที่สะดวก แต่ก็ไม่ควรพึ่งพาหรือรับประทานมากจนเกินไป ควรหมั่นหันมากินเนื้อสัตว์สดที่ปรุงเอง ควบคู่กับผักผลไม้ที่หลากหลาย เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วนและมีสุขภาพดีในระยะยาว