แชร์

ความปลอดภัยของ Food additive: กระบวนการทดสอบและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

อัพเดทล่าสุด: 5 ส.ค. 2024
302 ผู้เข้าชม

Food additive หรือวัตถุเจือปนอาหาร แม้จะมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพ อายุการเก็บรักษา และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์อาหาร แต่ก็มักถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ปลอดภัยหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามความจริงก็คือ Food additive ทุกชนิดที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในอาหารจะต้องผ่านกระบวนการประเมินความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานกำกับดูแลทั้งในระดับประเทศและระดับสากลเสียก่อน

กระบวนการประเมินความปลอดภัยของ Food additive จะเริ่มตั้งแต่การทดสอบในห้องปฏิบัติการ โดยการศึกษาผลกระทบเฉียบพลันและเรื้อรังของสารเหล่านั้นต่อสัตว์ทดลอง เพื่อหาค่าปริมาณที่ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ (No Observed Adverse Effect Level หรือ NOAEL) จากนั้นจะมีการกำหนดปริมาณที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ (Acceptable Daily Intake หรือ ADI) ซึ่งปกติจะตั้งไว้ที่ 1/100 ของ NOAEL โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์และความไวของบุคคล

นอกจากการทดสอบความปลอดภัยแล้ว หน่วยงานกำกับดูแลยังมีการทบทวนข้อมูลใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงผลการศึกษาในมนุษย์และรายงานผลข้างเคียง เพื่อยืนยันความปลอดภัยในการบริโภคระยะยาว และปรับปรุงข้อกำหนดให้เหมาะสมอยู่เสมอ หากพบว่ามีหลักฐานของผลกระทบเชิงลบ สารเหล่านั้นอาจถูกจำกัดการใช้หรือถอนออกจากบัญชีรายการ Food additive ที่อนุญาตได้

องค์การระหว่างประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการประเมินความปลอดภัยของ Food additive ได้แก่ คณะกรรมการร่วมขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือที่เรียกว่า JECFA ซึ่งทำหน้าที่ประเมินความเสี่ยงและกำหนดปริมาณที่ปลอดภัยของวัตถุเจือปนอาหาร โดยอ้างอิงจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ องค์กรสากลอื่นๆ เช่น สหภาพยุโรป (EU) องค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ หรือประเทศต่างๆ รวมถึงไทย ก็จะใช้ข้อมูลจาก JECFA เป็นพื้นฐานในการออกกฎระเบียบควบคุมการใช้ Food additive ภายในประเทศของตน

อย่างไรก็ตามกฎระเบียบการใช้ Food additive อาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ทั้งในด้านชนิดและปริมาณที่อนุญาต เนื่องจากปัจจัยด้านพฤติกรรมการบริโภค สภาพการผลิต และนโยบายของแต่ละประเทศ ยกตัวอย่างเช่น สหภาพยุโรปมีกฎระเบียบที่เข้มงวดกว่าสหรัฐอเมริกาในการอนุญาตให้ใช้สีผสมอาหารบางชนิด เป็นต้น

ผู้ผลิตอาหารมีหน้าที่ต้องใช้ Food additive ตามชนิดและปริมาณที่กฎหมายกำหนด และต้องแสดงข้อมูลบนฉลากอย่างถูกต้องครบถ้วน เพื่อให้ข้อมูลที่โปร่งใสแก่ผู้บริโภค ขณะเดียวกันผู้บริโภคเองก็ควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Food additive เพื่อให้สามารถเลือกบริโภคอาหารได้อย่างเหมาะสม โดยพิจารณาทั้งความจำเป็นและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับสารบางอย่างในปริมาณที่มากเกินไป หรือจากปฏิกิริยาระหว่างสารเจือปนกับสารอาหารอื่นๆ

สรุปได้ว่าแม้ Food additive จะได้รับการทดสอบและควบคุมอย่างเข้มงวดโดยหน่วยงานที่เชื่อถือได้ทั้งในและต่างประเทศ แต่ความปลอดภัยสูงสุดในการบริโภคก็ขึ้นอยู่กับการมีความรู้และใช้วิจารณญาณของทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคนั่นเอง การตระหนักถึงประโยชน์และโทษของ Food additive จะช่วยให้เราสามารถเลือกบริโภคอาหารได้อย่างเหมาะสม ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว

อ้างอิง

1.Joint FAO/WHO Expert Committee on Food Additives (JECFA). (2019). Evaluations of the Joint FAO/WHO Expert Committee on Food Additives (JECFA). Retrieved from http://apps.who.int/food-additives-contaminants-jecfa-database/search.aspx

2.U.S. Food and Drug Administration (FDA). (2018). Overview of Food Ingredients, Additives & Colors. Retrieved from https://www.fda.gov/food/food-ingredients-packaging/overview-food-ingredients-additives-colors

3.European Food Safety Authority (EFSA). (2020). Food additives. Retrieved from https://www.efsa.europa.eu/en/topics/topic/food-additives

4.Codex Alimentarius Commission. (2018). General Standard for Food Additives (GSFA) Online Database. Retrieved from http://www.fao.org/gsfaonline/index.html

5.สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.). (2564). วัตถุเจือปนอาหาร. สืบค้นจาก https://www.fda.moph.go.th/sites/food/SitePages/FoodAdditives.aspx

6.Younes, M., Aggett, P., Aguilar, F., Crebelli, R., Dusemund, B., Filipič, M., ... & Gundert‐Remy, U. (2018). Re‐evaluation of silicon dioxide (E 551) as a food additive. EFSA Journal, 16(1), e05088.

7.Carocho, M., Barreiro, M. F., Morales, P., & Ferreira, I. C. (2014). Adding molecules to food, pros and cons: A review on synthetic and natural food additives. Comprehensive reviews in food science and food safety, 13(4), 377-399.

8.Saltmarsh, M. (Ed.). (2013). Essential guide to food additives. Royal Society of Chemistry.

9.วารสารอาหาร. (2561). ความปลอดภัยของวัตถุเจือปนอาหาร. ปีที่ 48 ฉบับที่ 2. หน้า 7-15.

10.Mepham, B. (2011). Food additives: an ethical evaluation. British medical bulletin, 99(1), 7-23.


บทความที่เกี่ยวข้อง
Food Additive ที่จำเป็นใน เส้นก๋วยเตี๋ยว
Food Additives ในเส้นก้วยเตี๋ยวมีความสำคัญในการรักษาคุณภาพ รสชาติ และความสดใหม่ของอาหาร การเข้าใจบทบาทของสารเติมแต่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่รับประทาน
27 มี.ค. 2025
Food Additive ที่ใช้เป็นส่วนผสมในลูกชิ้น
รสชาติที่โดดเด่น: ด้วยการใช้สารเพิ่มรสชาติ ลูกชิ้นจะมีรสชาติที่เข้มข้นและอร่อย ทำให้เป็นที่นิยมในท้องตลาด การผลิตในปริมาณมาก: สารเติมแต่งช่วยให้กระบวนการผลิตมีความสะดวกและมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถผลิตลูกชิ้นในปริมาณมากได้ โดยคงคุณภาพไว้
27 มี.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy